วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Google Video คืออะไร

Google ให้บริการพื้นที่และส่งสตรีมวิดีโออย่างปลอดภัย ดังนั้นพนักงานจึงไม่จำเป็นต้องแบ่งปันวิดีโอผ่านทางอีเมล หรือสร้างภาระให้กับฝ่ายไอที ด้วยการใช้โซลูชันวิดีโอในที่ทำงานที่มีความยุ่งยาก

ช่องวิดีโอสำหรับธุรกิจของคุณ

การแบ่งปันวิดีโอช่วยสร้างการสื่อสารที่มีความสำคัญ เช่น การฝึกอบรมภายใน และทำให้การแจ้งเตือนของบริษัทมีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

รักษาวิดีโอให้ปลอดภัยและเป็น ส่วนตัว

พนักงานสามารถแบ่งปันวิดีโออย่างปลอดภัยกับผู้ร่วมงานโดยไม่เปิดเผยข้อมูล ที่เป็นความลับ 

เข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา

Google วิดีโอ ขับเคลื่อนด้วยเว็บไซต์อย่างปลอดภัย คุณจึงสามารถเข้าถึงวิดีโอของบริษัทได้จากโต๊ะทำงาน บนท้องถนน และที่บ้าน 

Cr.https://sites.google.com/a/simplextive.com/simplextive-solution/What-is-google-apps/what-is-google-videos-thai

Google Earth Pro คืออะไร

Google Earth Pro มีชุดคุณลักษณะขั้นสูงสำหรับการใช้งานในธุรกิจที่เป็นมืออาชีพ เครื่องมือ Movie Maker ที่ให้มาด้วยช่วยให้บริษัทด้านพลังงานและสาธารณูปโภคสามารถแสดงข้อมูลตำแหน่งแก่ลูกค้าผู้คาดหวังได้ การวางซ้อนภาพที่ความละเอียดสูงช่วยให้การวางผังสำหรับบริษัทวิศวกรรมและการวางแผนง่ายขึ้น ขณะที่เลเยอร์ข้อมูลทางประชากรช่วยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในการกำหนดตลาดเป้าหมายต่อไป Google Earth Pro   
Cr.https://support.google.com/earth/answer/189188?hl=th
google finance คืออะไร

App. google finance เป็นโปรแกรมสำหรับคนที่ชอบเล่นหุ้น มีการคำนวณประเมินแนวโน้มของตลาดหุ้นด้วย จึงสะดวกต่อการใช้งานของคนเล่นหุ้น

Cr.http://www.9tana.com/node/google-finance-thailand/
Google Calendar คืออะไร

Google Calendar คือ บริการปฏิทินแบบออนไลน์ของ Google ซึ่งทำให้คุณสามารถเก็บข้อมูลเหตุการณ์ต่างๆ รวมไว้ในที่เดียวกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกำหนดการนัดหมายและกำหนดเวลาเหตุการณ์ต่างๆ สามารถส่งข้อความเชิญ สามารถใช้ปฏิทินร่วมกับเพื่อนร่วมงาน และ ค้นหาเหตุการณ์ต่างๆ ได้ ซึ่ง Google Calendar มีข้อดีกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ต่างๆดังนี้
1. Google Calendar เป็นบริการออนไลน์และให้บริการฟรี ซึ่งต่างกับโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อซื้อโปรแกรมมาใช้
2. โปรแกรมในคอมพิวเตอร์มีการแสดงกิจกรรมในรูปแบบได้น้อย ซึ่งต่างจาก Google Calendar ที่แสดงตารางกิจกรรมได้หลายรูปแบบมากกว่า
3. Google Calendar มีการแจ้งเตือนผ่านทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ส่วนโปรแกรมที่คล้ายกับ Google Calendar ไม่มีการแจ้งเตือนแบบนี้
4. Google Calendar ใช้งานได้ง่ายและสะดวกกว่า จึงทำให้ผู้ที่เริ่มใช้งานเข้าใจได้ง่าย
5. Google Calendar สามารถใช้ทุกที่ที่มีอินเตอร์เน็ตจึงทำ ให้สะดวกกว่าโปรแกรมที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องไหนไม่มี โปรแกรมนั้นก็จะใช้ไม่ได้

Google Calendar ดีอย่าไร
การจัดตารางเวลาของคุณไม่ควรเป็นเรื่องชวนปวดหัว Google ปฏิทินจะช่วยให้คุณสามารถติดตามทุกเรื่องสำคัญในชีวิตได้อย่างง่ายดายในจุด เดียว
Cr.https://sites.google.com/site/51010311633inetg19/home/google-calender-khux-xari
google books คืออะไร
โปรแกรมพันธมิตร Google หนังสือมีสองส่วนประกอบดังนี้
  • โปรแกรมหน้าตัวอย่าง คือโปรแกรมการตลาดฟรีที่ช่วยให้ผู้จัดพิมพ์และผู้แต่งสามารถโฆษณาหนังสือของตนทางออนไลน์ผ่าน Google หนังสือ เมื่อคุณส่งหนังสือที่ต้องการให้แสดงตัวอย่างทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบดิจิทัลหรือรูปเล่มที่สมบูรณ์ ผู้ใช้ Google จากทั่วโลกจะสามารถค้นพบหนังสือของคุณได้
    เมื่อผู้อ่านพบหนังสือของคุณใน Google หนังสือ ผู้อ่านจะเห็นหน้าตัวอย่างที่จำกัดของหนังสือ รวมทั้งชุดลิงก์ที่นำไปสู่การซื้อหนังสือของคุณที่ผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพิ่มลิงก์ที่กำหนดเองที่นำไปสู่รายชื่อหนังสือบนเว็บไซต์ของคุณเองได้
  • นอกจากนี้พันธมิตรในบางประเทศสามารถขายหนังสือฉบับดิจิทัลของตนใน Google Play ซึ่งทำให้ได้รับรายได้ทุกครั้งที่ผู้ใช้ซื้อ eBook ของพันธมิตร ต้องทำให้สามารถดูหน้าตัวอย่างหนังสือได้ใน Google หนังสือเพื่อให้สามารถขายได้ใน Google Play เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการของการขายหนังสือ

Google หนังสือทำงานอย่างไร

เราจะสแกนเนื้อหาทั้งหมดในหนังสือของคุณ เพื่อให้ทุกคำในหนังสือนั้นมีโอกาสปรากฏเป็นผลการค้นหาใน Google หนังสือ เช่น หากคำว่า "กีตาร์" ปรากฏในหน้าหนังสือของคุณ คำดังกล่าวก็จะปรากฏเป็นผลการค้นหาสำหรับผู้ใช้ที่ค้นหาคำว่า [กีตาร์] อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราเป็นผู้จัดทำดัชนีหน้าทั้งหมดในหนังสือของคุณ แต่คุณก็ยังสามารถควบคุมเปอร์เซ็นต์ของหนังสือที่ผู้ใช้สามารถเรียกดูได้
และเรายังได้รวมดัชนีของ Google หนังสือเข้ากับดัชนีของ Google ค้นเว็บ ดังนั้นผู้ใช้ของเราจากทั่วโลกจึงสามารถค้นพบหนังสือของคุณได้

เนื้อหาของคุณจะได้รับการปกป้อง

เนื้อหาทั้งหมดในหนังสือจะถูกฝากไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ของเราซึ่งมีความปลอดภัย เราปิดการใช้งานฟังก์ชันพิมพ์ ตัด คัดลอก และบันทึกในทุกหน้าตัวอย่างที่แสดงเนื้อหาในหนังสือเพื่อปกป้องเนื้อหาของคุณ
นอกจากนี้ Google ยังคุ้มครองเนื้อหาของคุณโดยจำกัดจำนวนหน้าหนังสือที่จะแสดงให้ผู้ใช้เห็น โดยคุณสามารถกำหนดให้ผู้ใช้สามารถเลือกดูเนื้อหาในหนังสือของคุณได้ตั้งแต่ 20% จนถึง 100% พันธมิตรสามารถเลือกสร้างไฟล์ PDF สำหรับหนังสือของตนเพื่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดได้
หากคุณขายหนังสือใน Google Play คุณสามารถเลือกที่จะใช้ DRM (การจัดการสิทธิ์ด้านดิจิทัล) กับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ของคุณได้
คุณจะยังคงมีลิขสิทธิ์ของคุณอยู่ โดย Google จะไม่ถือครองลิขสิทธิ์ใดๆ ในหนังสือของคุณ

ประโยชน์ของคุณ

ในหน้าแสดงตัวอย่างสำหรับหนังสือของคุณ เราจะแสดงชุดของลิงก์เพื่อซื้อหนังสือเล่มนี้ที่เว็บไซต์ของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ รวมถึงเว็บไซต์ที่คุณเลือก ลิงก์เหล่านี้จะไม่ได้รับรายได้จากไซต์ที่อนุญาตให้แสดงลิงก์ และการคลิกที่ลิงก์เพื่อสั่งซื้อหนังสือของคุณผ่านผู้จำหน่ายปลีกออนไลน์จะไม่ก่อให้เกิดรายได้โดยตรงแต่อย่างใด
ข้อยกเว้นคือเมื่อคุณทำให้หนังสือเล่มนี้สามารถขายได้ใน Google Play ด้วย เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการขายหนังสือของคุณผ่าน Google

วิธีส่งหนังสือของคุณ

คุณสามารถส่งหนังสือมาให้เราได้ทั้งในรูปแบบไฟล์ PDF หรือ ePub หรือรูปเล่มหนังสือที่สมบูรณ์ ถ้าคุณส่งหนังสือแบบเป็นรูปเล่มมาให้เรา เราจะใช้เทคโนโลยีการสแกนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเราเองในการจัดเตรียมหนังสือของคุณเพื่อการแสดงใน Google หนังสือ อย่างไรก็ตาม เราจำเป็นต้องแยกชิ้นส่วนหนังสือของคุณเพื่อนำเข้าสู่ขั้นตอนการสแกน เราจึงไม่สามารถส่งหนังสือเล่มนั้นคืนให้คุณได้
Cr.https://support.google.com/books/answer/43724?hl=th
Google Talk คืออะไร

Google Talk คือ  โปรแกรม Instant Message แบบเดียวกับพวก MSN หรือ ICQ นั่นแหละ (ทีนี้เข้าใจรึยังว่า จะแปลกใจไปทำไมเนี่ย ถ้า Google จะทำกับเค้ามั่ง!) โดยจุดขายที่ Talk นำเสนอคือส่วนของ Sidebar ที่(อ้าง)ว่าน่าจะ Friendly กับ User มากกว่า 

Cr.http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=34a69f01760f1f89
  Google Translate คืออะไร

Google Translate เครื่องมือแปลภาษาที่เปิดให้ใช้ฟรี โดยสามารถแปลได้ตั้งแต่ข้อความที่เป็นประโยคไปจนถึงเอกสารทั้งหน้า หรือแม้แต่ทั้งเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า คุณผู้อ่านของ arip หลายคนคงอยากทราบว่า Google Translate มีการทำงานอย่างไร? ทำไมมันถึงได้เข้าใจภาษาต่างๆ และสามารถแปลออกมาได้ค่อนข้างถูกต้องในบางภาษา?
 
     สหรับการแปลภาษาของ Google Translate จะมาจากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์หลายเครื่องด้วยกัน โดยคอมพิวเตอร์เหล่านี้จะใช้กระบวนการแปลที่เรียกว่า "statistical machine translation" หรือ "ระบบการแปลภาษาเชิงสถิติ" ซึ่งเป็นวิธีที่คอมพิวเตอร์ใช้แปลความหมายของประโยค โดยอ้างอิงจากรูปแบบของข้อความจำนวนมาก เพื่อให้ข้อความที่แปลมีความใกล้เคียงกับภาษามนุษย์

     ลองนึกย้อนไปในสมัยเรียนภาษาอื่นๆ หากคุณต้องการสอนใครสักคนให้สามารถพูดภาษาใหม่ได้ คุณอาจจะเริ่มต้นด้วยการสอนคำศัพท์ และกฎไวยกรณ์ที่จะบอกว่า โครงสร้างประโยคของภาษาเป็นอย่างไร? คอมพิวเตอร์สามาถเรียนรู้ภาษาต่างๆ ของมนุษย์ได้ด้วยวิธีเดียวกัน นั่นก็คือ การอ้างอิงจากความหมายของคำศัพท์ และกฎไวยกรณ์ แต่ในความเป็นจริง ภาษาต่างๆ จะมีความซับซ้อน ซึ่งครูสอนภาษาหลายคนก็มักจะบอกตรงกันว่า มันมีข้อยกเว้นสำหรับการใช้กฎต่างๆ ด้วย เมื่อคุณพยายามใช้ข้อยกเว้นเหล่านั้นทั้งหมด ก็จะพบว่า มันมีข้อยกเว้นของข้อยกเว้นขึ้นมาอีก จึงไม่น่าแปลกใจว่า คุณภาพของโปรแกรมแปลภาษาด้วยคอมพิวเตอร์จึงไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าที่ควร แต่สำหรับ Google Translate จะใช้วิธีแปลที่แตกต่างจากโปรแกรมทั่วไป

     แทนที่ Google Translate จะใช้วิธีสอนให้คอมพิวเตอร์รู้จักกฎไวยกรณ์ของภาษา ทีมพัฒนาใช้วิธีทำให้คอมพิวเตอร์สามารถค้นพบรูปแบบ หรือกฎการแปลภาษาด้วยตัวมันเอง ซึ่งคอมพิวเตอร์ทั้งระบบสามารถทำสิ่งนี้ได้โดยวิเคราะห์จากเอกสารหลายล้านชุดที่มีการแปลออกมาแล้วโดยมนุษย์ ซึ่งข้อความที่แปลแล้วมาจากหนังสือต่างๆ จากองค์กรอย่าง UN และเว็บไซต์จากทั่วโลก โดยคอมพิวเตอร์สามารถสแกนข้อความต่างๆ เพื่อค้นหาสถิติที่สามารถให้ข้อสรุปที่ชัดเจนของรูปแบบการแปลเทียบกับการแปลคำต่อคำจนสามารถตัดสินใจได้ว่า ประโยคนั้นๆ ควรจะแปลว่าอย่างไรกันแน่ เมื่อคอมพิวเตอร์พบรูปแบบของการแปลทีชัดเจน (สถิติการแปลยืนยันว่า ส่วนใหญ่ต้องแปลแบบนี้) ระบบก็จะใช้รูปแบบนั้นแปลข้อความที่คล้่ายกันออกมาได้ เมื่อคอมพิวเตอร์ผ่านกระบวนการแปลซ้ำๆ ไปเรื่อยๆ ด้วยรูปแบบต่างๆ โปรแกรมก็จะมีความฉลาดในการแปลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
     อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบางภาษามีเอกสารให้โปรแกรมได้เรียนรู้ค่อนข้างน้อย นั่นเป็นสาเหตุให้คุณภาพการแปลภาษาของ Google Translate มีความแตกต่างกันไป ซึ่ง Google ยอมรับว่า ระบบการแปลยังไม่สมบูรณ์ แต่ด้วยการที่ระบบได้รับข้อความแปลใหม่ๆ ตลดเวลา มันจะทำให้คอมพิวเตอร์ฉลาดขึ้น และการแปลก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามไปด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่คุณแปลประโยค หรือเว็บเพจด้วย Google Translate พึงระลึกว่า การแปลที่เห็นนั้นเกิดจากการประมวลผลเอกสารการแปลหลายล้านชุด และหลายพันล้านรูปแบบการแปล ซึ่งหลายต่อหลายครั้งผู้ใช้จะทึ่งกับผลลัพธ์การแปลที่ได้

Cr.http://www.thesystem.co.th/
Google play คืออะไร

Google Play คือ เป็นบริการใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน โดยทางกูเกิลได้รีแบรนด์จากบริการเดิมที่มีอยู่แล้วอย่าง Android Market ทำการปรับโฉมใหม่ทำให้ Google Play กลายเป็นศูนย์รวมคอนเทนต์ต่าง ๆ ของกูเกิล เช่น เพลง แอพพลิเคชั่น หนังสือ เกมและอื่น ๆ ที่กูเกิลตั้งใจจะทำเป็นแหล่งดาวน์โหลดทุกอย่างที่กูเกิลมี โดยมีลักษณะคล้าย ๆ กับ Apple iTunes ของทางฝั่งแอปเปิลนั่นเอง โดย Google Play ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน คือ 

 1. Google Play Store ( ชื่อเดิม Android Market) เป็นตลาดดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่มาจาก Android Market เราสามารถค้นหาแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ และเลือกติดตั้งได้จาก Play Store บนมือถือและติดตั้งผ่านหน้าเว็บ ซึ่งขณะนี้มีแอพฯ และเกมให้เลือกดาวน์โหลดมากกว่า 450,000 แอพฯ

 2. Google Play Music (ชื่อเดิม Google Music) บริการด้านเพลงและมิวสิควีดีโอ ที่มีเพลงให้เลือกฟังและเลือกชมมากกว่า 20,000 เพลง  และสามารถกดแชร์เพลงไปให้เพื่อน ๆ ที่ใช้บริการ Google+ ได้อีกด้วย

3. Google Play Books (Google Books) บริการเกี่ยวกับหนังสือและนิตยสารประเภท eBook ออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดที่ให้ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดมาอ่านได้ทั้งบนมือถือและแท็บเล็ต

4. Google Play Movies (Google Movies) บริการเช่าภาพยนตร์ที่มีให้เลือกชมทั้งบนมือถือและหน้าเว็บ พร้อมกับจัดเก็บไว้บน Cloud หรือในเครื่องเพื่อเลือกชมภาพยนตร์ที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา และเร็ว ๆ นี้ จะมีหนังใหม่ในแบบ HD ให้เช่าอีกด้วย


Cr.http://android.kapook.com/view51076.html
Google map คืออะไร

GoogleMapsคือบริการเกี่ยวกับแผนที่ผ่านเว็บบราวเซอร์ของGoogleเราสามารถเปิดเว็บไซต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ได้ เพื่อเปิดใช้บริการแผนที่ของGoogleMaps

ความสามารถของ Google maps กับงานช่าง และงานท้องถิ่น เช่น
1. สามารถใช้วางแผนการเดินทางได้
2. สามารถตรวจสอบระยะทางถนนได้
3. สามารถตรวจสอบความกว้างยาว ของพื้นที่ ต่างๆ ได้
4. สามารถตรวจสอบเนื้อที่ ของพื้นที่ ที่เราต้องการได้
5. สามารถนำแผนที่ไปใช้งานได้ในเว็บของเราเอง เช่นกำหนดที่ตั้งของ อบต.
6. สามารถประยุกต์สร้างฐานข้อมูลเพื่อการใช้งานเช่น ระบบแผนที่ภาษีได้

จากภาพด้านบนจะบนว่า รูปแบบการแสดงแผนที่ มี 3 รูปแบบหลักคือ

1. แบบแผนที่ ตามตัวอย่างด้านบนครับ แสดงเป็นเส้นทางถนน ดูง่าย ซูมขยายได้เต็มที่ แต่ มีข้อด้อยคือเรา ไม่เห็นว่า ภูมิประเทศเป็นเช่นไร เป็นแผนที่แบนเรียบ
2. แบบดาวเทียม ซึ่งก็คือภาพถ่ายดาวเทียมแบบเดียวกับ Google Earth ครับ ข้อดีคือ เห็นเหมือนของจริงเลย มีข้อด้อยคือบางพื้นที่ ภาพเดียวเทียมยังไม่ชัด
3. แบบภูมิประเทศ ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับ สามารถดูความสูงต่ำพื้นที่ได้ และก็มีรายละเอียด ถนนหนทางเหมือนแบบแผนที่

ตามที่เราทราบกันครับว่า Google maps เป็นบริการของ Google
เป็นบริษัท ของอเมริกา แต่ GooGle เองก็ให้ความสำคัญกับภาษาไทย เนื่องจาก จำนวนคนที่ใช้ภาษาไทย ก็ เกือย 5% ของ พลโลก
Cr.http://www.gpsthaionline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=64:google-map&catid=39:gps-maps&Itemid=49
Google Scholar คืออะไร

พูดถึง Google ทุกท่านคงรู้จักดี ซึ่งระยะหลัง Google ออกบริการใหม่ ๆ มาหลายอย่าง และเป็นรู้จักกันดี อาทิเช่น iGoogle, อีเมลของ Google (Gmail), google map เป็นต้น และยังมีอีกบริการหนึ่งที่หลายท่านอาจยังไม่รู้จัก หรือยังไม่เคยใช้บริการ คือ Google Scholar ซึ่งเป็นบริการเว็บสืบค้นงานเขียน และสิ่งพิมพ์ทางวิชาการ (Web search engine) ที่น่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ต้องการค้นหาข้อมูลทางวิชาการ โดยเฉพาะนักศึกษา อาจารย์ นักวิจัย และผู้ที่สนใจ

สำหรับ Google Scholar เป็นบริการที่มีมานานแล้ว ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2547 โดยออกเป็น beta version และทุกวันนี้ก็ยังคงเป็น beta อยู่ และอาจเพราะเป็นบริการที่ออกมานานแล้วเลยทำให้เป็นบริการที่ไม่เป็นที่รู้จักของหลายๆ  คน
Google Scholar เป็นวิธีการค้นหาที่ง่าย ๆ ในการค้นหางานเขียนทางวิชาการได้อย่างกว้างขวาง คุณสามารถค้นหาในสาขาวิชาและแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ได้มากมายได้จากจุดเดียว : ไม่ว่าจะเป็นบทความ peer-reviewed วิทยานิพนธ์ หนังสือ บทคัดย่อ และบทความจากสำนักพิมพ์ทางวิชาการ แวดวงวิชาชีพ ที่เก็บร่างบทความ มหาวิทยาลัย และองค์กรด้านการศึกษาอื่น ๆ
Google Scholar ช่วยให้คุณสามารถระบุการค้นคว้าที่เกี่ยวข้องมากที่สุดในโลกแห่งการค้นคว้าวิจัยทางวิชาการ
คุณลักษณะของ Google Scholar มีดังนี้คือ
  • ค้นหา แหล่งข้อมูลที่หลากหลายจากจุดที่สะดวกจุดเดียว
  • ค้นหา บทความ บทคัดย่อ และการอ้างอิง
  • ค้นหาตำแหน่ง ของบทความฉบับสมบูรณ์จากทั่วทั้งห้องสมุดของคุณหรือบนเว็บ
  • เรียนรู้ เกี่ยวกับบทความสำคัญในการค้นคว้าวิจัยสาขาใดๆ
 บทความมีการจัดอันดับอย่างไร
Google Scholar มุ่งมั่นที่จะจำแนกบทความแบบนักวิจัย โดยวัดน้ำหนักจากข้อความทั้งหมดของแต่ละบทความ ผู้เขียน สิ่งตีพิมพ์ที่บทความนั้นปรากฏ และความถี่ที่มีการอ้างอิงบทความนั้นในงานเขียนทางวิชาการอื่น ผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องมากที่สุดจะปรากฏบนหน้าแรกเสมอ

Cr.http://libkm.kku.ac.th/kmlib/?p=1173
Google Onebox คืออะไร

กูเกิลจับมือกับผู้ให้บริการเพลงออนไลน์หลายยี่ห้อ เปิดความสามารถใหม่ Onebox ซึ่งช่วยให้เราทดลองฟังเพลงได้จากหน้าค้นหาของกูเกิล
กูเกิลบอกว่าผู้ใช้นั้นค้นหาเพลงกันเยอะมาก (2 ใน 10 ของคีย์เวิร์ดยอดนิยม เป็นคำที่เกี่ยวกับเพลง) แต่ปัญหาคือค้นเจอเว็บแล้วกว่าจะเข้าไปถึงตัวเพลงต้องกดอีกหลายคลิกและใช้เวลาอีกมาก ดังนั้น Onebox จึงออกมาแก้ปัญหา โดยเมื่อเราค้นหาเพลงที่ต้องการ ถ้าเป็นเพลงดังหน่อยจะสามารถสั่งเล่นเพลงได้จากหน้าค้นหาเลย
กูเกิลไม่ได้ทำระบบฟังเพลงออนไลน์เอง แต่ร่วมมือกับผู้ให้บริการอย่าง imeem, lala, MySpace (ซึ่งเพิ่งซื้อ iLike ไป), Pandora และ Real Rhapsody ซึ่งช่วยให้บริษัทเหล่านี้ขายเพลงได้มากขึ้นด้วย
ฟีเจอร์นี้ของกูเกิลจะรวมเข้ากับระบบค้นหาหลัก (แบบเดียวกับที่เราเจอวิดีโอจาก YouTube ในผลการค้นหา) กูเกิลจะเริ่มปล่อยฟีเจอร์นี้สำหรับสหรัฐในเร็วๆ นี้ ตอนนี้ดูวิดีโอเดโมกันไปก่อน
ทันทีที่กูเกิลแถลงข่าวนี้ ยาฮูก็ตอบโต้ทันทีว่าตัวเองมีฟีเจอร์นี้นานแล้ว

Cr.http://www.blognone.com/news/13692/google-onebox
Google Desktop คืออะไร

หลังจากที่ได้เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ Google Gadgets หรือ Gadgets ของ Google ไปแล้ว ...บางคน(รวมทั้งผมด้วย) อ่านไปก็จะเกิดความรู้สึกงุนงงไปกับศัพท์แสงต่างๆ ของเจ้าคุณกู(Google) เอ๊! อะไรกันนักหนา ก็ไม่รู้ ช่างสรรหา คิดออกมาได้ !! มากมายซะเหลือเกิน เป็นต้นว่า Google homepage, Google Desktop, Google Page Creator และอื่นอีกหลายๆ อย่างที่เป็นแบร็นด์เจ้าคุณกู ...
...เหตุที่ต้องพูดต่อ ก็เพราะเหตุฉะนี้แหละ ครับ มันเกี่ยวเนื่อง และเกี่ยวข้องกัน จากที่เราท่านรู้มาแล้วว่า Desktop Gadgetจะทำงานได้นั้น ตัวมันจะต้องถูกกำหนดใน Google Desktop เท่านั้น อืออ แล้วทีนี้เจ้า Google Desktop หละ มันคืออะไรกันอีกหละเนี่ย ? ...เชิญ มางงกันต่อไปครับ
Google Desktop เค้าบอกว่า เป็นโปรแกรมที่จะทำให้เราสามารถค้นหาไฟล์ต่างๆ ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ได้เหมือนกับที่เราค้นหาเว็บไซต์ด้วย Google หนะครับ ซึ่งโปรแกรมจะสร้างฐานข้อมูลของไฟล์ข้อมูลไว้ในเครื่องของเรา ณ เวลาที่เราไม่ได้ใช้งานคอมฯ (แต่ต้องเปิดเครื่องทิ้งไว้ด้วยหนะ) และหลังจากที่ทำรายการไฟล์ครั้งแรกแล้ว ครั้งต่อๆไป Google Desktop ก็จะตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงทุกครั้งที่เราสั่งเปิดเครื่อง
ทีนี้มาดูต่อว่า Google Desktop มีคุณสมบัติ และความสามารถ อะไรบ้าง

  • ค้นหาสิ่งที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ได้ง่าย เหมือนเราค้นหาเว็บไซต์ด้วย Google อย่างไงอย่างงั้นเลย
  • แสดงข่าวสาร รูปภาพ และอื่นๆ อีกหลายๆ อย่าง ทุกๆ ที่(ในโลกนี้ ..หากเป็นไปได้)บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ของเรา
  • สามารถเพิ่ม Google Gadgets เพื่อปรับแต่ง Desktop และ sidebar ของเรา
  • สำหรับนักพัฒนา : สามารถสร้าง gadgets ของเราเอง และแบ่งปันให้ผู้อื่นได้ยลได้ใช้ได้ด้วย ...แน๊ะ!
สรุปแล้ว ...

  1. Google Desktop ทำงานบนหน้าจอ (Desktop) คอมพิวเตอร์ของเราเท่านั้น
  2. เราต้องดาวน์โหลดมาติดตั้งบนเครื่องของเราครับ
  3. ความสามารถหลักของเค้า คือ ใช้ค้นหาข้อมูลในเครื่องของเราเองครับ เค้าบอกว่ามีประสิทธิภาพกว่า Search ของ Windows Explorer ด้วยซ้ำหนะ
  4. ความสามารถเสริม : ที่พิเศษ คือ ติดตั้ง Gadgets ได้เพิ่มเติม (เหมือนในวินโดวส์วิสต้าครับ) ทำให้ทำงานได้หลากหลายมากขึ้น
  5. ที่สำคัญ ให้เราได้พัฒนา Gadgets ในแบบฉบับของเราเองขึ้นมาใช้งานได้ด้วย และเผยแพร่สู่สาธารณชน
  6. ฯลฯ

Cr.http://2talkbig.blogspot.com/2007/06/google-desktop.html

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557


Google Drive คืออะไร รวมบทความการใช้อย่างละเอียด



google-driveGoogle Drive เป็นบริการจาก Google ที่ทำให้เราสามารถนำไฟล์ต่าง ๆ ไปฝากไว้กับ Google ซึ่งทำให้เราสามารถใช้ไฟล์เหล่านั้นที่ไหนก็ได้  ไม่เพียงแค่ฝากไฟล์ได้เท่านั้นคุณยังสามารถ สามารถแบ่งปันไฟล์กับคนที่ต้องการ และสามารถแก้ไขร่วมกันได้จากอุปกรณ์ทุกประเภท

สำหรับพื้นที่ ๆ Google ให้เราใช้บริการฟรีนั้นอยู่ที่ 5 GB และหากต้องการพื้นที่มากขึ้นสามารถอัปเกรดเป็น 25 GB ได้ในราคาไม่ถึงเดือนละ 100 บาท สนใจอ่านวิธีใช้แบบฟรี ๆ ได้เลยครับขั้นตอนการใช้ Google Drive

การใช้งาน Google Drive นั้นเริ่มต้นง่าย ๆ เพียงแค่คุณสมัคร Gmail หากคุณยังไม่เคยสมัคร Gmail แนะนำให้สมัคร เนื่องจากสมัคร Gmail เพียง Account เดียว ทำให้สามารถใช้บริการต่าง ๆ ของGoogle ได้อย่างมากมาย รวมถึง Google Drive ด้วย หากท่านใดยังไม่เคยสมัคร คลิกที่นี่ เพื่อสมัคร Gmail และเมื่อสมัครเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาดูขั้นตอนการใช้งาน Google Drive กันต่อเลย

เริ่มจากเปิดโปรแกรม Web Browser ของคุณขึ้นมา และเข้าไปที่เว็บไซต์  https://drive.google.com/start?continue=https://drive.google.com/%23#home จากนั้นคลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้งาน


ปรากฏหน้าเข้าสู่ระบบขึ้นมา ให้ใส่ชื่อ Email และ Password ของเราลงไป เสร็จแล้วคลิกปุ่ม ลงชื่อเข้าใช้

แบบฟอร์มสำหรับเข้าสู่ระบบ google drive

จะเข้าสู่หน้าเว็บเพจของ Google Drive ซึ่งเพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้แล้ว แต่ผมอยากให้คุณ ๆ ได้ลองใช้งานโดยการติดตั้ง Google Drive ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งผมได้ทดลองแล้วรู้สึกชอบเลยนำมาแนะนำให้ได้ลองใช้งานกันดู สำหรับวิธีการนั้นง่ายมาก ๆ โดยเมื่อเข้าสู่หน้าเว็บเพจของ Google Drive เสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกที่เมนู ไดรฟ์ของฉัน สังเกตว่าจะมีปุ่มสีฟ้า ๆ ชื่อ ติดตั้ง Google ไดรฟ์สำหรับพีซี อยู่ คลิกที่ปุ่มดังกล่าว 1 ครั้ง

หน้าต่างแสดงการต้อนรับของ google drive

แสดงหน้าต่าง Download Google Drive for Windows  ขึ้นมา คลิกปุ่ม Accept and Install

download โปรแกรม google drive

เข้าสู่กระบวนการติดตั้ง Google Drive

แสดงสถานะกำลัง download google drive

เมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะปรากฏหน้าต่างตามภาพด้านล่าง

ติดตั้ง google drive เสร็จเรียบร้อยแล้ว

ส่งท้ายบทความ : กระบวนการติดตั้ง Google Drive ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น จะช่วยให้การใช้งาน Google Drive ของคุณนั้นง่ายมากขึ้น แต่ทั้งนี้การใช้งาน Google Drive ทุกครั้ง ไม่ว่าจะใช้งานผ่านโปรแกรมที่ติดตั้งลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือทำงานผ่านเว็บไซต์คุณจะต้องเชื่อมต่อกับ Internet อยู่ตลอดเวลา เชื่อว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะปัจจุบัน Internet นั้นมีให้เลือกใช้อยู่มากมาย (จริงไหมครับ)


Cr.http://www.ninetechno.com/a/other-article/580-google-drive.html

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557



Google Glass

Cr.http://www.youtube.com/watch?v=4EvNxWhskf8
Gmail คืออะไรหรือ
เว็บไซต์ที่ให้บริการฟรีอีเมลมีอยู่มากมาย แต่ที่เป็นที่นิยมและเป็นรายใหญ่คงจะหนีไม่พ้น Hotmail และ Yahoo แต่แล้วสองยักษ์ใหญ่ในวงการอีเมลก็ต้องหวาดกลัว เมื่อ Google ที่เป็นเจ้าแห่งการ Search Engine ประกาศจะทำการเปิดบริการ Gmail ฟรีอีเมลใหม่ ซึ่งจะให้เนื้อที่แก่ผู้ใช้บริการมากถึง 1 กิกะไบต์ หรือ 1,000 เมกกะไบต์ (MB) ซึ่งมากกว่า Yahoo และ Hotmail ประมาณพันเท่า ซึ่งทำให้ในอนาคต Google จะกลายเป็นคู่แข่งของ Microsoft ในเรื่องให้บริการฟรีอีเมล

รายละเอียดของ Gmail
Gmail คือบริการฟรีอีเมลที่ทำงานบนระบบ Search Engine หน้าตาดูจะไม่แตกต่างจากรูปแบบของ Google เท่าไหร่ กล่าวคือไม่มีลูกเล่น ดูเรียบง่ายแต่เน้นที่ความรวดเร็วในการเข้าถึงเป็นหลัก สัญลักษณ์ (logo) นั้นประกอบไปด้วย 4 สี คือ น้ำเงิน เขียว แดง และเหลือง ยังคงความเป็น Google ได้ดีมาก โดยหน้าหลักของ Gmail ประกอบไปด้วย 3 ส่วน ดังนี้
  • ส่วนที่หนึ่ง คือส่วนด้านซ้าย ทำหน้าที่คล้ายๆกับบริการฟรีอีเมลอื่น ๆ นั่นคือให้เข้าถึงส่วนต่าง ๆ ของบริการได้ง่าย ประกอบด้วย Inbox , Sent mail , All mail , Spam หรือ Junk mail , Trash
    ลูกเล่นที่น่าสนใจ “Starred” เป็นส่วนพิเศษที่เว็บอื่นไม่เคยมีให้ Starred เป็นการทำเครื่องหมาย (Mark) ให้แก่จดหมาย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของผู้ใช้ว่า อีเมลที่ถูก mark นั้น สำคัญกว่าอีเมลอื่นๆ และอีกส่วนหนึ่งคือ Labels ซึ่งทำงานคล้ายกับ folder เราสามารถเพิ่มเข้าไปในจดหมายฉบับใดก็ได้ และในแต่ละ folder ก็จะมี labels ได้หลายอัน หลายท่านอาจจะมองภาพไม่ออก จึงขอยกตัวอย่างให้ดู เช่น แฟ้มเก็บเอกสาร 1 แฟ้ม ในเอกสารทั้งหมดอาจจะมีแผ่นกระดาษแทรกแบ่งเอาไว้ด้วยว่า ช่วงหน้าไหนมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร ก็เป็นทำนองเดียวกัน labels ก็คือส่วนที่จะบอกเราได้ว่าจดหมายฉบับไหนเป็นอะไร ซึ่งจะเป็นการแยกย่อยลงไปได้อีกในแต่ละ folder
  • ส่วนที่สอง คือ ส่วนกลาง จะเป็นจดหมาย ประกอบด้วยชื่อผู้ส่ง, หัวข้อจดหมาย, เวลาที่รับจดหมายเข้ามา นอกจากนี้แล้ว ยังมีปุ่มใช้งานทั้งบนและล่างของส่วนกลาง ซึ่งเราสามารถที่จะใช้ปุ่มเหล่านี้ทำงานคู่กับการทำเครื่องหมายถูกหน้า จดหมาย หลังจากนั้นเลือก Report As Spam จะเป็นการบอกให้ Gmail ทราบว่าจดหมายฉบับนี้เป็นอีเมลขยะ ดังนั้นระบบทำการจัดเก็บ เพื่อทำเป็นฐานข้อมูลในการตรวจจับspam ในคราวต่อไป เป็นต้น
  • ส่วนที่สาม เป็นส่วนที่ทำให้ Gmail พิเศษกว่าที่อื่น คือ “ การค้นหาอีเมล” (search mail) เพียงแค่ใส่คำหลัก(key words) ลงไป แล้วกด search mail จากนั้นการทำงานก็จะเหมือน Search Engine ทุกประการ อีเมลทุกฉบับที่มีคำหลักนั้นก็จะปรากฏขึ้นมา ซึ่งในส่วนนี้ จะรวดเร็ว ง่าย และเปี่ยมประสิทธิภาพ เป็นหัวใจหลักของ search mail ที่ Gmail ต้องการมีไว้สำหรับใช้ดึงดูดผู้ใช้บริการ เนื่องจาก Gmail แปลงจากระบบกล่องเก็บจดหมาย มาเป็น “ห้องสมุดเก็บจดหมาย” โดยใช้ระบบ Indexing Technology ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถที่จะเก็บอีเมลได้มากเท่าที่ต้องการ
ข้อควรระวังในการใช้ Gmail
ถึง เราจะลบรายชื่อเมลแล้ว ก็ยังสามารถ Search หาใหม่ได้ทุกเมื่อ เนื่องจากอีเมลนั้นก็เพียงแต่หายไปจากเครื่อง แต่มิได้หายไปจากฐานข้อมูลของ Google นั่นหมายความว่า อีเมลส่วนตัวทุกฉบับที่มีการส่งถึงกันระหว่างผู้ใช้บริการ Gmail จะต้องผ่านการตรวจสอบและสแกนจากทาง Google เพื่อที่จะนำเข้าสู่ฐานข้อมูล Search Engine E-mail ซึ่งทางด้านกฎหมายถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล (เหมือนกับว่าทาง Google จะสามารถล่วงรู้ความลับของเราได้ทุกเมื่อ หากมีการติดต่อกันผ่านทางอีเมล) ดังนั้นหากมีอีเมลที่เป็นความลับ หรือเป็นส่วนตัว ไม่อยากเก็บไว้ เราก็จะไม่มีทางลบให้หายไปได้อย่างถาวร เนื่องจากทุกอย่างขึ้นตรงกับ Google แต่เพียงผู้เดียว


Cr.http://www.thtfreeweb.com/gmail.html